พระเณรที่เรียนบาลี จนจบประโยคไหนๆก็ตาม ต่อให้เป็นประโยค ๙ ก็ไม่ได้หมายความว่า
จะเป็นผู้บรรลุธรรมหรือเป็นพระอรหันต์ทันที เป็นเพียงแต่เชี่ยวชาญในภาษาๆหนึ่งเท่านั้น
โดยเฉพาะบาลีภาษา ที่มีมาในพระไตรปิฏก
เมื่อปริยัติถูกต้อง ปฏิบัติย่อมไม่คลาดเคลื่อน ปฏิเวธก็สามารถเกิดขึ้นได้ในโอกาสต่อ ๆ ไป
หากไม่คงปริยัติไว้ วันหนึ่งข้างหน้า มีผู้ไม่รู้ไม่เข้าใจบาลีภาษา มาตีความผิดเพี้ยนไป
ก็เป็นความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้กับหลักเดิมที่มีอยู่ พวกเราจะอนุวัตรตามโลกมากน้อย
เพียงใดก็ตาม แต่ก็ต้องยึดหลักเดิมไว้เป็นบทเทียบเคียง ถ้าไม่อย่างนั้น อีกหลายสิบปี
อีกหลายร้อยปีข้างหน้า ไม่มีคนเข้าใจอักขระภาษาบาลี มัวแต่ยึดเอาฉบับที่แปลไว้เป็น
ปัจจุบันเท่านั้น แล้วพวกเราจะตีความหลักการให้เข้ากับยุคนั้น ๆ ได้อย่างไร จะอนุวัตร
ตามโลกสมัยนั้น จะอธิบายให้คนในยุคนั้น ๆ ฟังได้อย่างไร เพราะทุกวันนี้ แม้ภาษาไทยเอง
ก็มีคำผิดเพี้ยนไปมาก มีคำเกิดใหม่ขึ้นแทบทุกวัน
เพราะเหตุฉะนี้นั้น การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี จึงยังคงต้องมีอยู่ และต้องให้อยู่รอด
ปลอดภัยให้นานที่สุด
ฐาตุ จิรํ สตํ ธมฺโม
ขอธรรมของสัตบุรุษทั้งหลาย จงดำรงอยู่นาน
ธมฺมทฺธรา จ ปุคฺคลา มา วินสฺสนฺตุ
และ บุคคลทั้งหลายที่ทรงธรรม จงอย่าเสื่อมสูญ
สงฺโฆ ภวตุ สมคฺโค
ขอพระสงฆ์จงเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน
อตฺถาย หิตาย สุขาย สพฺพโลกสฺสาติ
เพื่อประโยชน์ เกื้อกูล และสุขแก่โลกทั้งปวง เทอญ ฯ
ขอบคุณบทความจาก พระมหาจิรวัฒน์ ศรีสุวรรณ